วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เทคโนโลยี 4.00

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยี 4.00



Thailand 4.0  (ไทยแลนด์ 4.0) 

เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่

เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย

นวัตกรรม ….ซึ่งกว่าจะมาเป็น Thailand 4.0 ( ไทยแลนด์ 4.0 ) ก็

ต้องผ่าน 1.0 2.0 และ 3.0 กันมาก่อน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยี 4.00



⏩  Thailand 1.0 ( ไทยแลนด์ 1.0 ) ก็คือยุคของเกษตรกรรม คนไทย

ปลูกข้าว พืชสวน พืชไร่ เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ นำผลผลิตไปขาย สร้างราย

ได้และยังชีพ


⏩ Thailand 2.0 ( ไทยแลนด์ 2.0)  ซึ่งก็คือยุคอุตสาหกรรมเบา ใน

ยุคนี้เรามีเครื่องมือเข้ามาช่วย เราผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องดื่ม

 เครื่องเขียน เครื่องประดับเป็นต้น ประเทศเริ่มมีศักยภาพมากขึ้น


⏩  Thailand 3.0 ( ไทยแลนด์ 3.0 ซึ่งเป็นยุคปัจจุบัน ) เป็นยุค

อุตสาหกรรมหนัก เราผลิตและขายส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ ก๊าซ

ธรรมชาติ ปูนซีเมน เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อ

เน้นการส่งออก





ในช่วงแรก Thailand 3.0 ( ไทยแลนด์ 3.0 ) เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่

ปัจจุบันกลับเติบโตเพียงแค่ 3-4% ต่อปีเท่านั้น ประเทศไทยจึงตกอยู่

ช่วงรายได้ปานกลางมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ในขณะที่ทั่วโลกมีการ

แข่งขันที่สูงขึ้น เราจึงต้องเปลี่ยนสู่ยุค Thailand 4.0 ( ไทยแลนด์ 4.0 

เพื่อให้ประเทศไทยได้มีโอกาสกลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง


ในปัจจุบันประเทศไทยยังติดอยู่ในโมเดลเศรษฐกิจแบบ “ทำมาก ได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยี 4.00น้อย” จึงต้องการปรับเปลี่ยนเป็น “ทำน้อย ได้มาก” ก็จะต้องเปลี่ยน

จากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” และ

เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วย

ภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิด

สร้างสรรค์ และนวัตกรรม

อย่างการเกษตรก็ต้องเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่

รูปภาพที่เกี่ยวข้องการเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยีหรือ 

Smart Farming โดยเกษตรกรต้องร่ำรวยขึ้น และเป็นเกษตรกรแบบ

เป็นผู้ประกอบการ

เปลี่ยนจาก SMEs แบบเดิมไปสู่การเป็น Smart Enterprises และ 

Startups ที่มีศักยภาพสูง

เปลี่ยนจากรูปแบบบริการแบบเดิมซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ ไป

สู่บริการที่มีมูลค่าสูง


เปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำไปสู่แรงงานที่มีความรู้และทักษะสูง


โมเดลของ Thailand 4.0 ( ไทยแลนด์ 4.0 )

 นั่นคือ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

thailand-4-0-f


ซึ่งโมเดลนี้จะสำเร็จได้ ต้องใช้แนวทาง สานพลังประชารัฐ โดยมุ่ง

เน้นการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ธนาคาร ประชาชน สถาบันศึกษา

และสถาบันวิจัยต่างๆ ประกอบกับการส่งเสริม SME และ Startup เพื่อ

ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมต้องมีโครงสร้างด้านการ

สื่อสารและโทรคมนาคมที่มีคุณภาพ มีอินเตอร์เน็ตที่คลอบคลุม

ประชากรมากที่สุด เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วนได้อย่างไม่

สะดุด



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยี 4.00


โครงสร้างของ ICT ก็จะเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ เราจะก้าวข้ามผ่าน

กับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง ในยุค 

Thailand 4.0 ( ไทยแลนด์ 4.0 )   ได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจาก

หลาย

ฝ่าย เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมายให้ได้


อย่างไรก็ตาม ส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้ นโยบาย

 Thailand 4.0 ( ไทยแลนด์ 4.0 ) ประสบผลได้เร็วขึ้น และ จะทำให้คน

ไทยมีรายได้สูงได้ ก็คือ เราคนไทยนี่เอง คือคนไทยที่มีความสามารถ

 และมีความพยายาม ตั้งใจคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆที่มีคุณค่าสูง ซึ่งภาค

ส่วนต่างๆก็ได้พยายามช่วยกันผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้ ให้เป็นกำลัง

ของประเทศ ด้วยการสนับสนุนในทุกๆด้าน ทั้งด้านการฝึกอบรม เงิน

ทุนสนับสนุน ด้านกำลังใจและความเชื่อมั่น ว่าคนไทยก็สามารถทำได้





                                                   อ้างอิง

https://www.it24hrs.com/2017/thailand-4-0/

















PM2.5

PM2.5 

PM2.5 คืออะไร?

⏩  คำว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่า

มาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่

ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจาก

หน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง    

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ PM2.5



พูดง่ายๆ คือ ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าน

ศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวม

กับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงจะ
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

เป็นเพียงฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว แต่เมื่อมาแผ่

อยู่รวมกันจะกินพื้นที่ใน

อากาศมหาศาล ล่องลอยอยู่ในชั้น

บรรยากาศปริมาณสูง เกิดเป็น

หมอกควันอย่างที่เราเห็นกัน







ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การ

รูปภาพที่เกี่ยวข้องอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็น

ฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM2.5 ยังเล็ก

กว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และ

หลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว


ฝุ่นละอองมาจากไหน?

สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย เช่น โรงผลิตไฟฟ้า ควัน

ท่อไอเสียจากรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ด้วย ซึ่งปกติแล้วกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำทุกวันก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นละ

อองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่แหล่งต้นตอสำคัญของ PM2.5 ใน

บรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่น

จากการก่อสร้าง





ตัวเมืองที่มีตึกสูงรายล้อมเหมือน “ กรุงเทพ ” จะมีลักษณะคล้ายๆ 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ PM2.5
แอ่งกระทะ เกิดการสะสมของเจ้าฝุ่นร้ายได้ง่าย ซึ่งปกติฝุ่นเหล่านี้จะ

ลอยขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดฟุ้งกระจายไป แต่ถ้าวันไหนที่อากาศ

นิ่ง ไม่ค่อยมีลมพัด ฝุ่นละอองจะไม่ฟุ้งกระจาย ส่งผลให้ระดับความ

เข้มของฝุ่นในพื้นที่นั้นๆ สูงมากขึ้นจนกลายเป็นระดับที่อันตรายต่อ

สุขภาพ และเจ้าฝุ่นjavascript:void(null);ร้ายมักวนเวียนอยู่มากใน

ช่วงกลางคืน แต่จะค่อยๆ จางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างใน

ยามเช้า


มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร?


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ PM2.5


ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเจ้าฝุ่นร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่น 

ขนาดเล็กจิ๋วมาก สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราลึกได้ถึงถุงลม

ปอด บางส่วนสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่อง

ลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเรา

ได้ความน่ากลัวของเจ้าฝุ่นร้ายนี้ คือ กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลด

ระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ รบกวนสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้น

ยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อใน


ร่างกายของเรามาก แล้วส่งผลกระทบต่างๆ 

ตามมา ดังนี้


⏩  กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ 

เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง

กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการ

กำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

สำหรับผลระยะยาวจะทำให้การทำงานของปอดถดถอย อาจเกิด

โรคถุงลมโป่งพองได้แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และเพิ่มโอกาสทำให้เกิด

มะเร็งปอดได้ด้วย


ข้อแนะนำและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นพิษ PM 2.5


 ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
  หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำ

เกษตรกรรม เผาขยะ หรือวัสดุเหลือใช้

 ควบคุมกระบวนการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด

 ออกกำลังกายในที่ร่ม ฝุ่นน้อยๆ และไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกกำลังกาย

 รับประทานอาหารเสริม อาหารที่มีวิตามินซี และวิตามินอีสูง เช่น

 ถั่ว ปลา(มีโอเมก้า 3 มาก)


 ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกข้างนอกบ้าน หรือที่

โล่งแจ้ง ให้ใส่หน้ากากพิเศษชนิดที่เรียกว่า “เอ็นเก้าสิบห้า” โดย

เฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบการหายใจหรือโรคหัวใจเรื้อรัง สำหรับคน

ทั่วไปอย่างน้อยให้ใส่ “หน้ากากอนามัย” โดยต้องใส่ให้ถูกต้องวิธี 

คือ หันด้านที่เป็นสีเขียวและเป็นมันออกด้านนอก ให้ส่วนที่มีแผ่น

เสริมความแข็งแรงและช่วยการเข้ารูปอยู่ด้านบนของจมูก สังเกตรอย

พับของผ้าด้านหน้าต้องพับลง หากใส่ผิดรอยพับจะกักเก็บฝุ่นละออง

ในรอยพับ ทำให้หายใจลำบากล

ประเภทของหน้ากากอนามัยและการเลือกใช้ให้
เหมาะสม

1.หน้ากากอนามัยชนิดN95


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ n95เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้เป็นหน้ากากที่

ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด

 เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 

ไมครอน เหมาะสำหรับป้องกันมลพิษ ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง

 PM2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ


2. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ3ชั้น


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ3ชั้นหรือที่เรียกว่าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นแบบที่คนส่วนใหญ่

คุ้นเคย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาทั่วไป เน้นการ

ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจามจากเชื้อแบคทีเรีย

 หรือเชื้อราได้ แต่หากเป็นเชื้อไวรัสซึ่งมีอนุภาคเล็กระดับไมครอน 

อาจไม่สามารถป้องกันได้ จึงไม่เพียงพอหากต้องการป้องกันฝุ่นพิษ 

PM2.5 และควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ


3.หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้าย
javascript:void(null);


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้ายระดับความป้องกันไม่แตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ

 เน้นการป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอจาม 

สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ไมครอนขึ้นไป จึงไม่

เหมาะกับการป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 แต่มีข้อดี คือ ประหยัด 

สามารถนำไปซักกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วนำลับมาใช้ใหม่ได้


สรุป 

ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นมลพิษต่ออากาศและร่างกาย ควรป้องกัน

ตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาด

เล็กได้ คือ หน้ากาก N95 ส่วนหน้ากากประเภทอื่นนั้น ช่วยป้องกันได้

เพียงส่วนหนึ่ง และควรใส่ให้ถูกวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้

งาน แต่วิธีที่ดีสุด คือ การแก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้น มาร่วมด้วยช่วยกันคืน

อากาศบริสุทธิ์ให้พวกเราทุกคน โดยควบคุมเจ้าฝุ่นร้าย PM2.5 ไม่ให้

เกินมาตรฐาน



อ้างอิง
https://www.honestdocs.co/pm-2-5-environmental-nano-pollutants



















                 เรื่อง ประวัติ /โปรแกรม pyhon




โลโก้ภาษาไพธอน Python

ประวัติความเป็นมาของ Python


         ภาษา Python ⏭   เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งระดับสูง

ของคอมพิวเตอร์ เป็นภาษาสคริปต์

 และ เป็นภาษา

โอเพนซอร์ซ นิยมใช้งานอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

 ปัญญาประดิษฐ์ , เว็บ

วิทยาศาสตร์ข้อมูล เป็นต้น

ประวัติความเป็นมาของ Python

           ภาษา Python ⏭  มีการพัฒนามาอย่างยาวนานมากกว่า

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ python 20 ปี โดยเรียงลำดับประวัติความ

เป็นที่มาของ  Python ได้ดังนี้

1989 จุดเริ่มต้นความคิดในการสร้างภาษา Python :

        

ภาษา Python ⏭  ถูกสร้างขึ้นในต้นยุค 90 โดย 

Guido van Rossum ที่ Stichting   Mathematisch

Centrum (CWI) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยต้นแบบภาษาสืบทอด

มาจากภาษา ABC

ภาษา ABC เป็นภาษาที่ถูกออกแบบให้ง่ายต่อการเรียนรู้ ซึ่ง Van Rossum เคยช่วยเหลือในการพัฒนา
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ python

ภาษา ABC ก่อนหน้านี้ในอาชีพที่เขาทำ แต่ Van Rossum ได้มองเห็นปัญหาของภาษา ABC แต่เขาก็

ยังคงชอบลักษณะเด่น ๆ จำนวนมากของภาษา ABC อยู่ เขาจึงสร้าง

ภาษาสคริปต์   (scripting language)

ใหม่ที่ใช้ไวยากรณ์ของ ABC ที่ได้แก้ไขปัญหาที่เขาพบบางอย่างลง

ไป เช่น สนับสนุนการจัดการกับข้อ

ผิดพลาด (Exception Handling) เป็นต้น

Van Rossum       เริ่มต้นพัฒนาภาษาใหม่ในช่วงวันหยุดคริสต์มาส 

เดือนธันวาคม ค.ศ.1989 แต่ช่วงนั้น  เขายัง

ไม่ได้ตั้งชื่อภาษาใหม่นี้ จนกระทั่ง เขาได้อ่านอ่านสคริปต์ที่ตีพิมพ์

จากซีรีส์ตลก "Monty Python’s

              Flying Circus" ของบีบีซี ซีรีส์ตลกจากช่วงยุค 1970  เขาจึง

เลือกชื่อ "Python" กลายเป็นจุด

เริ่มต้นของภาษา Pytho




อ้างอิง

https://python3.wannaphong.com/2017/09/python.html














วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

อาเซียน

ตราสัญลักษณ์อาเซียน




อาเซียน

➤ สีที่ใช้ในตราสัญลักษณ์อาเซียน

สีที่ใช้ในตราสัญลักษณ์อาเซียน


สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง 

สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญและการมีพลวัติ 

สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ 

สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาเซียน

อาเซียน ประกอบไปด้วย


1. ประเทศไทย (Thailand)
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
เมืองหลวง : กรุงเทพมหานคร

ภาษา : ภาษาไทย เป็นภาษาราชการ

ประชากร : ประกอบด้วยชาวไทยเป็นส่วนใหญ่

นับถือศาสนา : พุทธนิกายเถรวาท 95%, อิสลาม 4%

ระบบการปกครอง : ระบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

จุดแข็ง

เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงคมนาคมด้านต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน

มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง




2. ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)

เมืองหลวง : บันดาร์ เสรี เบกาวัน

ภาษา :ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษและจีน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประเทศบรูไน
ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 66%, จีน11%,อื่นๆ 23%

นับถือศาสนา : อิสลาม 67%, พุทธ 13%, คริสต์ 10%

ระบบการปกครอง : ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

จุดแข็ง


การเมืองค่อนข้างมั่นคง

รายได้เฉลี่ยต่อคนเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน อันดับ 26 ของโลก

ผู้ส่งออกและปริมาณสำรองน้ำมันมีมากเป็นอันดับ 4 ในอาเซียน




3. ประเทศกัมพูชา (Cambodia)

เมืองหลวง : กรุงพนมเปญ

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ภาษา : ภาษาเขมร เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เวียดนามและจีน

ประชากร : ประกอบด้วย ชาวเขมร 94%, จีน 4%,อื่นๆ 2%

นับถือศาสนา : พุทธ(เถรวาท) เป็นหลัก

ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตย์

เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ

จุดแข็ง

ค่าจ้างแรงงานต่ำที่สุดในอาเซียน

มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและสมบูรณ์



4. ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia)

เมืองหลวง : จาการ์ตา

ภาษา : ภาษาอินโดนีเซีย เป็นภาษาราชการ

ประชากร : ประกอบด้วยชนพื้นเมืองหลายกลุ่ม มีภาษามากกว่า 583 ภาษา ร้อยละ 61 อาศัยอยู่บนเกาะ

ชวา

นับถือศาสนา : อิสลาม 87%, คริสต์ 10%

ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข และหัวหน้าฝ่ายบริหาร

จุดแข็ง

มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มีจำนวนประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



5. ประเทศลาว (Laos)

เมืองหลวง : นครหลวงเวียงจันทร์

ภาษา : ภาษาลาว เป็นภาษาราชการ

ประชากร : ประกอบด้วย ชาวลาวลุ่ม 68%, ลาวเทิง 22%, ลาวสูง 9% รวมประมาณ 68 ชนเผ่า

นับถือศาสนา : 75% นับถือพุทธ, นับถือผี 16%

ระบบการปกครอง : สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ (ทางการลาวใช้คำว่า ระบบประชาธิปไตยประชาชน)

จุดแข็ง


ค่าจ้างแรงงานต่ำอันดับ 2 ในอาเซียน

การเมืองมีเสถียรภาพ



6. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)

เมืองหลวง : กรุงกัวลาลัมเปอร์

ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษและจีน

ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 40%, จีน33%, อินเดีย 10%, ชนพื้นเมืองเกาะบอร์เนียว 10%

นับถือศาสนา : อิสลาม 60%, พุทธ 19%, คริสต์ 11%

ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา

จุดแข็ง

มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิค

มีปริมาณก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิค



7. ประเทศเมียนมาร์ หรือพม่า (Myanmar)

เมืองหลวง : เนปีดอ (Naypyidaw)

ภาษา : ภาษาพม่า เป็นภาษาราชการ

ประชากร : ประกอบด้วยเผ่าพันธุ์ 135 มี 8 เชื้อชาติหลักๆ 8 กลุ่ม คือ พม่า 68%, ไทยใหญ่ 8%,             กระเหรี่ยง

7%, ยะไข่ 4% จีน 3% มอญ 2% อินเดีย 2%

นับถือศาสนา : นับถือพุทธ 90%, คริสต์ 5% อิสลาม 3.8%

ระบบการปกครอง : เผด็จการทางทหาร ปกครองโดยรัฐบาลทหารภายใต้สภาสันติภาพและการพัฒนา
แห่งรัฐ

จุดแข็ง

มีพรมแดนเชื่อมต่อกับจีน และอินเดีย

ค่าจ้างแรงงานต่ำเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน

มีปริมาณก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก



8. ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines)

เมืองหลวง : กรุงมะนิลา

ภาษา : ภาษาฟิลิปิโน และภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็น สเปน, จีนฮกเกี้ยน, จีนแต้จิ๋ว

ฟิลิปปินส์ มีภาษาประจำชาติคือ ภาษาตากาล็อก

ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 40%, จีน33%, อินเดีย 10%, ชนพื้นเมืองเกาะบอร์เนียว 10%

นับถือศาสนา : คริสต์โรมันคาทอลิก 83% คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์, อิสลาม 5%

ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร

จุดแข็ง

แรงงานทั่วไป ก็มีความรู้สื่อสารภาษาอังกฤษได้



9. ประเทศสิงคโปร์ (Singapore)

เมืองหลวง : สิงคโปร์

ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาคือจีนกลาง ส่งเสริมให้พูดได้ 2 ภาษาคือ จีนกลาง และ

ให้ใช้อังกฤษ เพื่อติดต่องานและชีวิตประจำวัน

ประชากร : ประกอบด้วยชาวจีน 76.5%, มาเลย์ 13.8%, อินเดีย 8.1%

นับถือศาสนา : พุทธ 42.5%, อิสลาม 14.9%, คริสต์ 14.5%, ฮินดู 4%, ไม่นับถือศาสนา 25%

ระบบการปกครอง : สาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว) โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข

และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร

จุดแข็ง

รายได้เฉลี่ยต่อคน เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 15 ของโลก

แรงงานมีทักษะสูง



10. ประเทศเวียดนาม (Vietnam)

เมืองหลวง : กรุงฮานอย

ภาษา : ภาษาเวียดนาม เป็นภาษาราชการ

ประชากร : ประกอบด้วยชาวเวียด 80%, เขมร 10%

นับถือศาสนา : พุทธนิกายมหายาน 70%, คริสต์ 15%

ระบบการปกครอง : ระบบสังคมนิยม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรคการเมืองเดียว

จุดแข็ง

มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิค




วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม

กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง



ขั้นที่ 1  ระบุปัญหา (Problem Identification) 
     
   ➥ เป็นขั้นตอนที่ผู้แก้ปัญหาทำความเข้าใจในสิ่งที่เป็นปัญหาในชีวิต

ประจำวันที่พบเจอ ซึ่งสามารถใช้

       ทักษะการตั้งคำถามด้วยหลัก    5W 1H  ประกอบด้วย


  Who เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือ

ความต้องการ

➽  What เป็นการตั้งคำถามว่าปัญหาหรือความต้องการจากสถานกา

รณ์นั้นๆ คืออะไร

 When เป็นการตั้งคำถามปัญหาหรือความต้องการของสถานการณ์

นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด

 ➽  Where เป็นการตั้งคำถามปัญหาหรือความต้องการของสถานการณ์

นั้นจะเกิดขึ้นที่ไหน

 ➽  Why เป็นการตั้งคำถามเพื่อวิเคราะห์สาเหตุว่าทาไมถึงเกิด  

ปัญหา  หรือความต้องการ

   How เป็นการตั้งคำถามเพื่อวิเคราะห์ถึงแนวทางหรือวิธีการแก้

ปัญหานั้นจะสามารถทาได้ด้วยวิธีการอย่างไร



ขั้นที่ 2  รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา (Related Information Search) 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิศวกรรม  ➥  ในขั้นตอนนี้จะเป็นการรวบรวมข้อมูลที่

เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือ

ความต้องการตามที่กำหนดไว้ในขั้นที่ 1 เพื่อ

หาวิธีการที่หลากหลายสำหรับใช้ในการแก้

ปัญหาหรือสนองความต้องการ  โดยการค้นหาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ 

เช่น สอบถามจากผู้รู้ สืบค้นหรือสำรวจจากสื่อและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ

โดยวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ

อาจมีได้มากกว่า 1 วิธีจากนั้นจึงพิจารณาในประเด็นต่างๆ เช่น ข้อดี 

ข้อเสีย ความสอดคล้องและการนา

ไปใช้ได้จริงของวิธีการแต่ละวิธี



ขั้นที่ 3  ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design) 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิศวะ การ์ตูน    ➥ เป็นขั้นตอนของการออกแบบชิ้นงานหรือวิธี

การโดยการประยุกต์ใช้

ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมในขั้นที่ 2 ซึ่งขั้นตอนนี้

จะช่วยสื่อสารแนวคิดของ

การแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจโดยผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การร่างภาพ 

การอธิบาย เป็นต้น
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ขั้นที่ 4  วางแผนและดาเนินการแก้ปัญหา (Planning and Development) 

     
   ➥เป็นขั้นตอนของการวางลำดับขั้นตอนของการสร้างช้นงานหรือ 

วิธีการ จากนั้นจึงลงมือสร้างหรือพัฒนาชิ้นงานหรือวิธีการ เพื่อที่จะนา

ผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ในการขั้นตอนต่อไป



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิศวะ การ์ตูน



ขั้นที่ 5  ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน  (Testing, Evaluation and Design Improvement) 

    
  ➥เป็นขั้นตอนของการตรวจสอบและประเมินชิ้นงานวิธีการที่สร้าง

ขึ้นว่า สามารถทางานหรือใช้ในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ

ได้หรือไม่ มีข้อบกพร่องอย่างไร และควรปรับปรุงแก้ไขชิ้นงานหรือ

แบบจาลองวิธีการใน ส่วนใด ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร แล้วจึงดา

เนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนนั้นจนได้ชิ้นงานวิธีการที่สอดคล้องตาม

รูปแบบที่ออกแบบไว้



     
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ขั้นที่ 6   นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Presentation) ❤ 


   เป็นขั้นตอนของการคิดวิธีการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับชิ้น

งานหรือวิธีการที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ

จากที่กล่าวมา ข้างต้นเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 6 

ขั้นตอนนั้น หากนำมาใช้ในการจัดการเรียน

การสอนใน ชั้นเรียนจะสามารถดำเนินการโดยการที่ผู้สอนสามารถ

พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ โดยนำกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม

ในขั้นที่ 1 ระบุปัญหามาไว้ส่วนของขั้นนำ ซึ่งจะเป็นการกำหนด

สถานการณ์ปัญหาให้ผู้เรียน เพื่อที่ผู้เรียนจะได้ทำการวิเคราะห์เพื่อผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิศวะ การ์ตูน

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เรื่อง ประวัติรัชกาลที่ 10


รัชกาที่ 10.






พระนามของรัชกาลที่ 10 คือ     สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร

เทพยวรางกูร 
              
มีพระนามเดิมของพระองค์ เดิมว่า   สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลง

กรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรง สุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร

กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร

ประวัติของพระองค์   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  เป็น

พระราชโอรส พระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น.       

มีพี่น้อง     มีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริ

วัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินี 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐ

สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราช

กุมารี






การศึกษา      1.ระดับอนุบาล รร.จิตรลดา  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ

ทรงสำเร็จการ

ศึกษาขั้นต้นในระดับอนุบาล รุ่นที่ 2 จากโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อในระดับประถม

ศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีดและศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซทประเทศ

อังกฤษ หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อวิชาทหารที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เสร็จแล้ว

ทรงการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ (ด้านการทหาร) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์

ประเทศออสเตรเลีย




 2. โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46  ➤  ทรงศึกษาต่อที่

โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อปี พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ.2525 ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม

อันดับ 2)  และปี พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร




 สมเด็จพระยุพราช  เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา

ภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีสถาปนา

เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ให้ดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรŽ ตามโบราณขัตติยราชประเพณี เพื่อรับราชสมบัติ

ปกครองราชอาณาจักรสืบสนองพระองค์ โดยมีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิติยสมบูรณสวางควัฒน์ วร

ขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธ สยามมกุฎราชกุมาร




พระโอรส-พระธิดา 1. หม่อมเจ้าจุฑาวัชร มหิดล หรือ จุฑาวัชร วิวัชรวงศ์
                                                         
                                                          2. หม่อมเจ้าวัชรเรศร มหิดล หรือ วัชรเรศร วิวัชรวงศ์
                                                       
                                                          3. หม่อมเจ้าจักรีวัชร มหิดล หรือ จักรีวัชร วิวัชรวงศ์
                                                 
                                                          4. หม่อมเจ้าวัชรวีร์ มหิดล หรือ วัชรวีร์ วิวัชรวงศ์
                                                      
                                                          5. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
                                                   
                                                          6. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

พระราชกรณียกิจ ➤  1. ด้านการบิน

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-5 อี/เอฟ และพ.ศ.

2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737 – 400 ในเที่ยวบินสายใยรักแห่งครอบครัว ช่วย

เหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาค

ใต้ (เที่ยวบินที่ ทีจี 8870 กรุงเทพมหานครถึงจังหวัดเชียงใหม่ และเที่ยวบินที่ ทีจี 8871 จังหวัดเชียงใหม่

ถึงกรุงเทพมหานคร)




  2. ด้านการทหาร

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมที่ตั้งกองทหาร

หน่วยต่างๆ อยู่เสมอ จากการที่ได้ทรงศึกษาด้านวิชาทหารมานาน ทรงมีความรู้เชี่ยวชาญอย่างมาก และ

ได้พระราชทานความรู้เหล่านั้นให้แก่ทหาร 3 เหล่าทัพ ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างแก่นายทหาร

เอาพระทัยใส่ในความเป็นอยู่ทุกข์สุขของทหารผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างทั่วถึง รวมทั้งพระราชทานพระ

ราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นทุนการศึกษาแก่บุตรของทหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความเทิดทูนและ

ความจงรักภักดีแก่เหล่าทหารเป็นอย่างยิ่ง

3. ด้านการศึกษา

พระองค์พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นที่

ตั้งของโรงเรียนอนุบาลชื่อว่า โรงเรียนอนุบาลทหารมหาดเล็กราชวัลลภ โดยในระยะแรกได้จัดการเรียน

การสอนเฉพาะชั้นอนุบาล ต่อมาโรงเรียนได้ย้ายไปที่จังหวัดนนทบุรี และได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า

“โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์”

นอกจากนี้ ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ตั้งอยู่

ในชนบทห่างไกลคมนาคมไม่สะดวก กระทรวงศึกษาธิการได้สนองพระราชประสงค์ด้วยการน้อมเกล้าฯ

ถวายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจำนวน 6 โรงเรียน เป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่

โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา อ.ปลาปาก จ.นครพนม (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา

1.โรงเรียนมัธยมจุฑาวัชร อ.ลานกระลือ จ.กำแพงเพชร (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา

2. โรงเรียนมัธยมวัชเรศร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3)

3. โรงเรียนมัธยมจักรีวัชร อ.รัตนภูมิ จ.สงขลา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 2)

4. โรงเรียนมัธยมวัชรวีร์ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3)

5. โรงเรียนมัธยมบุษย์น้ำเพชร อ.เมือง จ.อุดรธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1)


สดุดีจิมราชา  ❤☺

https://www.youtube.com/watchv=nmTWXUoUcxo 



หน้าที่ของนักเรียนต่อชาตื ศาสนา พระมหากษัตริย์

1. รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
 
นักเรียนมีหน้าที่ในการรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด เท่ากับได้เข้ารับการ
   
ฝึกให้มีความรักในสถาบันทั้ง 3 รวมทังระบอบการปกครองประชาธิปไตยด้วย

2. การป้องกันประเทศ
 
ถือว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน จะต้องช่วยกันทำหน้าที่นี้ ถึงแม้ว่าไม่ใช่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ

3. เข้ารับราชการทหาร
    กฏหมายเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารในประเทศไทยใช้บังคับเฉพาะพเมืองที่เป็นชายเท่านั้นน กฏหมาย

ระบุว่า
 
ชายไทยเมื่อายุย่างเข้า 18 ปี ต้องไปแสดงตัวที่สัสดีอำเภอ เพื่อขึ้นทะเบียนทหาร อายุย่างเข้า 21 ปี ต้อง

ไปรับหมายเกณฑ์ทหาร ณ ที่เดียวกัน
 
ผู้ใดหลีกเลี่ยงจะมีความผิดตามกฏหมาย เมื่อครบ 2 ปี ก็จะปลดประจำการเป็นกองหนุน แต่จะต้องไป

รายงานตัวเมื่อทางราชการ
 
มีคำสั่งสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย นิสิต นกศึกษา ก็สามารถสมัครเข้าเรียนวิชาทหารรักษาดินแดน (รด.)

เมื่อเรียนจบชั้นปีที่ 3 ก็สามารถนำหลัก
 
ฐานการจบหลักสูตรไปแสดงตัว เพื่อปลดเป็นกองหนุนในวันตรวจเลือก

4. การใช้สิทธิเลือกตั้งโดยสุจริต
 
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งควรไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือส่วนกลาง

5. ปฏิบัติตนตามกฏหมาย
   
นักเรียนที่ประพฤติตนเป็นผู้เคารพกฏระเบียบของโรงเรียนเท่ากับเป็นการฝึกเป็นผู้เคารพกฏหมายบ้าน

เมือง  การปฏิบัติตนตาม
   
กฏหมายเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองสังคมสงบเรียบร้อย

6. เสียภาษีตามกฏหมาย
 
การพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้ก็จากเงินภาษีที่ราษฏรเสียให้กับรัฐ

7. ช่วยเหือราชการ
 
การช่วยเหลือราชการตามกฏหมาย ถือว่าเป็นส่งที่ทุกคนพึงกระทำ

8. รับการศึกษา
   
ประชาชนทุกคนมีหน้าที่เข้ารับการศึกษาตามรัฐกำหนด เพราะการศึกษาจะทำให้ประชาชนมีความรับผิด

ชอบที่ต้องทำด้วยความเต็มใจ

9. ปกป้องและรักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ
 
 ศิปวัฒนธรรมของชาติ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นมรดกทางสังคมที่ถ่ายทอด

กันมาเป็นเวลาช้านาน

10. รักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
   
จากการเพิ่มประชากรอย่างรวเร็ว การขยายตัวทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างมากมาย ส่ง

ผลให้ทรัพยากรธรรมชาติและ

สิ่งแวดล้อมถูกทำลายลงไป
 
 - ใช้เทคโนโลยีด้วยความระมัดระวัง
 
 -  ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด

   -  สร้างเสริมทรัพยากรธรรมชาติให้มีการทดแทนกันมากที่สุด
 
 -  รักษาระดับคุณถาพสิ่งแวดล้อมให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย


ที่มา  https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/43066.html  

       https://news.mthai.com/webmaster-talk/525488.html

      https://writer.dek-d.com/saroyieam/story/viewlongc.php?id=430801&chapter=7






เทคโนโลยี 4.00 Thailand 4.0  (ไทยแลนด์ 4.0)   เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่ เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่...